“กาสิโนจะเปิดในไทย เหมาะสมกับประเทศไทยหรือ?”
- Sunset Magazine Thai
- 17 เม.ย.
- ยาว 1 นาที
By Vichita Virochpoka

การเปิด "กาสิโน" หรือ “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) ในประเทศไทย กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และจริยธรรม หลายฝ่ายมีมุมมองแตกต่างกันอย่างชัดเจนว่า สิ่งนี้คือ “โอกาส” หรือ “ภัยเงียบ” ที่จะกลืนกินโครงสร้างประเทศในอนาคต
หลังจาก "แพทองธาร ชินวัตร" เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านแนวคิดใหม่ของ “สถานบันเทิงครบวงจร” โดยเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการสร้าง “Man-made Destinations” เช่น สวนน้ำ สวนสนุก คอนเสิร์ตระดับโลก และ “กาสิโน” ที่ถูกกฎหมาย
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง แม้ในนโยบายหาเสียงปี 2566 ของพรรคเพื่อไทย จะไม่ได้กล่าวถึงกาสิโนหรือการพนันออนไลน์แต่อย่างใดเลย
บริษัทใหญ่ในธุรกิจกาสิโนอย่าง Las Vegas Sands (LVS) ได้แสดงความสนใจลงทุนในประเทศไทย โดยมองว่าประชากรจำนวนมาก และจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงเป็นปัจจัยบวก ซีอีโอของ LVS ระบุว่า "ไทยนับเป็นตลาดที่น่าตื่นตาตื่นใจมากในหลายระดับ"
กรณีตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Marina Bay Sands (MBS) ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นโมเดลของรีสอร์ทแบบบูรณาการที่รวมกาสิโน ศูนย์การค้า และโรงแรมระดับโลกไว้ในแห่งเดียว ส่งผลให้รายได้นักท่องเที่ยวของสิงคโปร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนก็มีตัวอย่างปอยเปตโมเดล เช่นเดียวกัน ในประเทศกัมพูชา ที่สร้างสิ่งแวดล้อมการพนันและบ่อนให้กับชาวบ้านรอบๆจนเกิดเป็นผีพนันกันมากมาย และยังมีการลงทุนสีเทาและการฟอกเงินเกิดขึ้นด้วย
ความเสี่ยงและผลกระทบด้านสังคมในเชิงฟอกเงินหรือทุนสีเทาจะเกิดขึ้นไหม หากประเทศไทยมีกาสิโน แม้จะมีภาพลักษณ์เชิงบวกในแง่เศรษฐกิจ แต่หลายฝ่ายเตือนว่าการเปิดกาสิโนในไทยอาจนำมาซึ่ง “ผลเสียที่แก้ไขยาก” โดยเฉพาะเรื่อง ฟอกเงิน และทุนสีเทา
ศ.ดร.วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. วิเคราะห์ว่า โครงการนี้มีลักษณะ “อำพราง” เพราะไม่ได้มีการแก้ไขกฎหมายการพนันเดิมโดยตรง และมีความเสี่ยงสูงต่อการทุจริต เพราะกระบวนการให้สัมปทานมีแนวโน้มไม่โปร่งใส และกาสิโนถือเป็น “สถานที่ฟอกเงินที่ดีที่สุด” ซึ่งอาจทำลายระบบการควบคุมทางการเงินของประเทศอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์ ซึ่งผู้ประกอบการชาวอเมริกันไม่สามารถลงทุนกาสิโนได้ เพราะมีความเสี่ยงจากการฟอกเงินสูง ขณะที่สิงคโปร์แม้จะมีโมเดลที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็เผชิญกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ในปี 2023 จนต้องออกกฎหมายควบคุมเพิ่ม
คำถามที่สำคัญที่สุดคือ “ประเทศไทยพร้อมหรือยัง” ที่จะรับมือกับผลกระทบด้านลบที่มากับกาสิโน แม้ว่ารัฐบาลจะให้เหตุผลว่าการทำให้ “การพนันใต้ดินขึ้นมาบนดิน” เป็นแนวทางที่ช่วยควบคุมได้ดีกว่า แต่ในความเป็นจริง การขาดระบบตรวจสอบที่แข็งแรงและความเสี่ยงต่อการทุจริตสูงอาจทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
การเปิดกาสิโนในไทยไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของ “ความพร้อมของระบบ” และ “ความมั่นคงทางสังคม” หากไม่มีการออกแบบกฎหมายที่โปร่งใส ระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง และการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน การผลักดันอุตสาหกรรมนี้อาจไม่ได้ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอย่างที่คาดหวัง แต่อาจกลายเป็น "ศูนย์กลางการฟอกเงิน" แห่งใหม่ในเอเชียแทน
コメント